หลักสูตรวุฒิบัตรศัลยศาสตร์
หลักสูตรและเกณฑ์การฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน
เพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
สาขาศัลยศาสตร์
รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ
ฉบับ พ.ศ. ๒๕๖๒
- ชื่อหลักสูตร
ภาษาไทย หลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านเพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาศัลยศาสตร์ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ
ภาษาอังกฤษ Somdech Phrapinklao surgical Residency Training Curriculum
๒. ชื่อวุฒิบัตร
ชื่อเต็ม
ภาษาไทย วุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาศัลยศาสตร์
ภาษาอังกฤษ Diploma of the Thai Board of Surgery
ชื่อย่อ
ภาษาไทย วว. สาขาศัลยศาสตร์
ภาษาอังกฤษ Dip., Thai Board of Surgery
๓.หน่วยงานที่รับผิดชอบ
กลุ่มงานศัลยกรรม รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ
๔. พันธกิจของการฝึกอบรม/หลักสูตร
โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า เป็นสถาบันหลักของกรมแพทย์ทหารเรือในการผลิตศัลยแพทย์/ศัลยแพทย์ทหารที่มีศักยภาพในการดูแลผู้ปุวยฉุกเฉิน มีความพร้อมในการเป็นอาจารย์แพทย์ สามารถสนับสนุนภารกิจให้กับกองทัพเรือ กระทรวงกลาโหม ตลอดจนงานในระบบการบริการทางการแพทย์สาธารณสุขและระบบสาธารณสุขของประเทศ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งในสถานการณ์ปกติและในกรณีสาธารณภัยต่างๆ
โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้ากำหนดพันธกิจด้านการศึกษาของหลักสูตร ดังนี้ “เพื่อผลิตศัลยแพทย์หรืออาจารย์แพทย์สาขาศัลยกรรมที่มีคุณภาพ ตามเกณฑ์มาตรฐานผู้มีความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาศัลยศาสตร์ของแพทยสภา ที่มีความเป็นเลิศในด้านวิชาการ คุณธรรม จริยธรรม เพื่อพัฒนาบริการด้านศัลยกรรม ตอบสนองต่อภารกิจของกองทัพเรือ รวมทั้งระบบการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ”
โดยฝึกอบรมให้ศัลยแพทย์มีความสามารถทั้งในส่วนบุคคล การสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ และการทำงานรวมกันเป็นทีมในการวินิจฉัยรักษา การทำหัตถการ และการบริหารจัดการทางการแพทย์เพื่อแก้ไขภาวะโรคทางศัลยกรรมได้อย่างเหมาะสมตามมาตรฐานวิชาชีพ โดยมีทั้งคุณธรรม จริยธรรม มีความรับผิดชอบ และเจตคติที่ดีต่อผู้ป่วย ผู้ร่วมงานและองค์กร ตลอดจนมีความสามารถในการทำงานวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ มีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และสามารถบริหารจัดการเพื่อความเตรียมพร้อมในการสนับสนุนต่อภารกิจต่างๆได้ตามมาตรฐานของวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อกองทัพเรือและกระทรวงสาธารณสุข
๕. ผลลัพธ์ของการฝึกอบรม/หลักสูตร
ศัลยแพทย์ที่จบการฝึกอบรมเป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาศัลยศาสตร์จากโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้าจะต้องมีคุณสมบัติ และความสามารถขั้น พื้นฐานตามสมรรถนะหลักทั้ง ๖ ด้านดังนี้
๑. การดูแลรักษาผู้ป่วย (Patient Care)
๑.๑ มีทักษะในการดูแลผู้ป่วยศัลยกรรมตั้งแต่ระยะก่อนการผ่าตัด ระหว่างการผ่าตัด และภายหลังการผ่าตัด รวมไปถึงการแก้ไขภาวะ แทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในแต่ละระยะอีกด้วย
๑.๒ มีทักษะในการทำหัตถการทางศัลยกรรมทั่วไปตามเกณฑ์กำหนดของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย
๑.๓ มีทักษะในการช่วยชีวิตขั้นสูงในผู้ป่วยอุบัติเหตุ ( Advanced trauma life support )
๒.การมีความรู้ความเชี่ยวชาญและความสามารถในการนำไปใช้แก้ปัญหาของผู้ป่วยและสังคมรอบด้าน (Medical knowledge and Skills)
๒.๑ เข้าใจวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐานของร่างกายและจิตใจรวมไปถึงความรู้ทางการแพทย์คลินิกที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยศัลยกรรม
๒.๒ มีความรู้ความสามารถในวิชาชีพ และเชี่ยวชาญในสาขาศัลยศาสตร์
๓. การเรียนรู้จากการปฏิบัติและการพัฒนาตนเอง(Practice-based Learning and Improvement)
๓.๑ ดำเนินการวิจัยทางการแพทย์และสาธารณสุขได้
๓.๒ วิพากษ์บทความและงานวิจัยทางการแพทย์ได้
๓.๓ เรียนรู้และเพิ่มประสบการณ์ได้ด้วยตนเองจากการปฏิบัติงานได้
๔. ทักษะปฏิสัมพันธ์ และการสื่อสาร (Interpersonal and Communication Skills)
๔.๑ นำเสนอข้อมูลผู้ป่วย บันทึกรายงานทางการแพทย์ และอภิปรายปัญหาผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ
๔.๒ ถ่ายทอดความรู้และทักษะ ให้แพทย์นักศึกษาแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์
๔.๓ สื่อสารให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วยและญาติ ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยมีความ
เมตตา เคารพการตัดสินใจและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ของผู้ป่วย
๔.๔ มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ทำงานกับผู้ร่วมงานทุกระดับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
๔.๕ เป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำแก่แพทย์และบุคลากรอื่นๆ โดยเฉพาะทางศัลยกรรม
๕. ความเป็นมืออาชีพ(Professionalism)
๕.๑ มีคุณธรรมจริยธรรมและเจตคติอันดีต่อผู้ป่วยญาติผู้ร่วมงานร่วมวิชาชีพและชุมชน
๕.๒ ถ่ายทอดความรู้และทักษะ ให้แพทย์ นักศึกษาแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์
๕.๓ มีความสนใจใฝ่รู้และสามารถพัฒนาไปสู่ความเป็นผู้เรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต(Continuous professional development)
๕.๔ การบริบาลโดยใช้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางบนพื้นฐานการดูแลแบบองค์รวม คำนึงถึง
ประสิทธิภาพและความปลอดภัย และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผ่าตัดรักษา
๕.๕ คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำแก่แพทย์และบุคลากรอื่น โดยเฉพาะสาขาวิชาศัลยศาสตร์
๖. การปฏิบัติงานให้เข้ากับระบบ (System-based Practice)
๖.๑ มีความรู้เกี่ยวกับระบบการดูแลสุขภาพของประเทศ
๖.๒ มีความรู้และมีส่วนร่วมในระบบพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วย
๖.๓ ใช้ทรัพยากรทางการแพทย์อย่างเหมาะสม (Cost consciousness medicine) และ สามารถปรับเปลี่ยนการดูแลรักษาผู้ป่วยให้ เข้ากับ บริบท ของการบริการสาธารณสุข ได้ตามมาตรฐานวิชาชีพ
๖. แผนการฝึกอบรม/หลักสูตร
การฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านศัลยศาสตร์ทั่วไป กองศัลยกรรม โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ได้จัดหลักสูตรการอบรมสอดคล้องกับหลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาศัลยศาสตร์ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยและแพทยสภา เพื่อให้แพทย์ประจำบ้านผู้เข้ารับการฝึกอบรมพร้อมที่จะปฏิบัติงานเป็นศัลยแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อสำเร็จการฝึกอบรม ทั้งในแง่ความรู้และภาคปฏิบัติ(หัตถการและการดูแลผู้ป่วย) ตามจุดประสงค์ของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยและแพทยสภา จึงได้กำหนดวิธีการฝึกอบรมดังต่อไปนี้
๖.๑ เนื้อหาของการฝึกอบรม
๑) เนื้อหาการฝึกอบรม(ความรู้) ครอบคลุมองค์ความรู้ ๓ ส่วน (ตามผนวก ๒) เป็นไปตามเกณฑ์ของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่ง ประเทศไทย)
ก. เนื้อหาสำคัญ (Essential contents) ของการฝึกอบรมครอบคลุมหัวข้อโรคหรือ ภาวะของผู้ป่วยทางศัลยกรรมทั่วไปตามข้อกำหนด
ข. ผู้ป่วยทางศัลยกรรมทั่วไปตามข้อกำหนด
ค. ความรู้ทั่วไปในสาขาศัลยศาสตร์อื่นๆ และสาขาที่เกี่ยวเนื่อง
๒) หัตถการทางศัลยศาสตร์
กลุ่มงานศัลยกรรม รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า ได้กำหนดเป้าหมายในการทำหัตถการของแพทย์ประจำบ้านแยกตามหมวดหมู่ให้ สอดคล้องกับดูแลผู้ป่วยในระยะก่อนผ่าตัด ระหว่างการผ่าตัด และหลังผ่าตัด รวมทั้งการผ่าตัดเองได้อย่างเหมาะสม โดยมีการแบ่งระดับความสามารถในการทำหัตถการ เป็น ๒ ขั้นดังนี้
ระดับที่ ๑ หัตถการที่แพทย์ประจําบ้านต้องทําได้ด้วยตนเอง
ระดับที่ ๒ หัตถการที่แพทย์ประจําบ้านควรทําได้ (ทําภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ)
หมายเหตุ ความสามารถในการทำหัตถการผ่าตัดที่ซับซ้อนขึ้นอยู่กับแพทย์ประจำบ้านแต่ละชั้นปีเป็นไปตามเกณฑ์ของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ดังแสดงไว้ใน Procedural skills ต่างๆ (ตามผนวก ๓)
๓) การตรวจทางห้องปฏิบัติการในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น การตรวจทางรังสี การตรวจอัลตราซาวด์ การตรวจเลือด ฯลฯ
๔) การเรียนรู้ทางด้านบูรณาการ (ตามผนวก๔)
ก) ทักษะปฏิสัมพันธ์ และการสื่อสาร (Interpersonal and Communication Skills)
(๑) การสื่อสารและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแพทย์, ผู้ร่วมงาน, ผู้ป่วยและญาติ
(๒) การดูแลผู้ป่วยและญาติในวาระใกล้เสียชีวิต
(๓) การบอกข่าวร้าย
(๔) ปัจจัยที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแพทย์และผู้ป่วย
(๕) การบริหารจัดการ Difficult case
(๖) การตระหนักรู้พื้นฐานความเชื่อทางสุขภาพที่ต่างกัน
ข) ความเป็นมืออาชีพ ( Professionalisms )
(๑) การบริบาลโดยมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง(Patient-centered care)
(๑.๑) การยึดถือประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นหลัก
(๑.๒) การรักษาความน่าเชื่อถือแก่ผู้ป่วยและสังคมโดยการรักษามาตรฐานการดูแล รักษาผู้ป่วยให้ดีที่สุด
(๑.๓) การให้เกียรติและยอมรับเพื่อนร่วมวิชาชีพเพื่อนร่วมงานผู้ป่วยและญาติ
(๑.๔) ความสามารถปรับตนเองให้เข้ากับสภาวะหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดไว้ก่อน
(๒) พฤตินิสัย
(๒.๑) ความรับผิดชอบ ความตรงต่อเวลาความซื่อสัตย์ และมีวินัย
(๒.๒) การแต่งกายให้เหมาะสมกับกาลเทศะ
(๓) จริยธรรมการแพทย์
(๓.๑) การหลีกเลี่ยงการรับผลประโยชน์ส่วนตัวในทุกกรณี
(๓.๒) การนับถือให้เกียรติสิทธิและรับฟังความเห็นของผู้ป่วยในกรณีผู้ป่วยไม่เห็นด้วยกับ การรักษาหรือปฏิเสธการรักษา
(๓.๓) การขอความยินยอมจากผู้ป่วยในการดูแลรักษาและหัตถการในกรณีที่ผู้ป่วยตัดสินใจไม่ได้ต้องสามารถเลือกผู้ตัดสินใจ แทนผู้ป่วยได้
(๓.๔) การปฏิบัติในกรณีที่ผู้ป่วยร้องขอการรักษาที่ไม่มีประโยชน์หรือมีอันตราย
(๓.๕) การรักษาความลับและการเปิดเผยข้อมูลผู้ป่วย
(๓.๖) การประเมินขีดความสามารถ และยอมรับข้อผิดพลาดของตนเอง
(๔) การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
(๔.๑) การกำหนดความต้องการในการเรียนรู้ของตนเอง
(๔.๒) การค้นคว้าความรู้ และประเมินความน่าเชื่อถือได้ด้วยตนเอง
(๔.๓) การประยุกต์ความรู้ที่ค้นคว้ากับปัญหาของผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
(๔.๔) การวิเคราะห์และวิจารณ์บทความทางวิชาการ
(๔.๕) การเข้าร่วมกิจกรรมวิชาการอย่างสม่ำเสมอ
(๔.๖) การใช้ Electronic databases และการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการเรียนรู้
(๔.๗) การถ่ายทอดความรู้แก่แพทย์บุคลากรทางการแพทย์นิสิตนักศึกษาผู้ป่วยและญาติ
ค) การปฏิบัติงานให้เข้ากับระบบ ( System-based Practice )
ความรู้เกี่ยวกับระบบสุขภาพและการพัฒนาสาธารณสุขของชาติ
- ความรู้เกี่ยวกับระบบประกันสุขภาพเช่นระบบประกันสุขภาพ ระบบประกันสังคม ระบบสวัสดิการการรักษาพยาบาลของข้าราชการ เป็นต้นความรู้เกี่ยวกับการประกันคุณภาพและกระบวนการ Hospital accreditation การประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการ ดูแลรักษา
- ความรู้เกี่ยวกับ Cost consciousness medicine เช่น นโยบายการใช้ยาระดับชาติ
บัญชียาหลักแห่งชาติ การใช้ยาและทรัพยากรอย่างสมเหตุผลเป็นต้น
(๓) ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายทางการแพทย์
(๔) ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยและสิทธิผู้ป่วย
(๕) ความรู้เกี่ยวกับการแพทย์ทางเลือก
(๕.๑) การแพทย์แผนไทยเช่นการใช้อาหารและสมุนไพรต่างๆรักษาโรคเป็นต้น
(๕.๒) การแพทย์แผนจีน เช่นการใช้สมุนไพรและการฝังเข็มรักษาโรคเป็นต้น
(ง) การพัฒนาตนเองและการเรียนรู้จากการปฏิบัติ ( Practice-based Learning )
(๑) ทักษะและจริยธรรมในการวิจัย
(๒) การดูแลรักษาผู้ป่วยแบบทีมสหวิชาชีพ
(๓) การใช้ยาและทรัพยากรอย่างสมเหตุผล
(๔) การบันทึกเวชระเบียนครบถ้วนถูกต้อง
(๕) การสร้าง Clinical Practice Guideline (CPG)
(๖) การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล
(๗) การเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค
(๘) การประเมินความพอใจของผู้ป่วย
(๙) การมีส่วนร่วมในองค์กร เช่นภาควิชา/แผนก/กลุ่มงาน โรงพยาบาล/สถาบัน /ราชวิทยาลัยฯ
(๑๐) การดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง
๖.๒ วิธีการให้การฝึกอบรม
กลุ่มงานศัลยกรรม รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า กำหนดระยะเวลาในการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยเป็นเวลา ๔ ปี (๔๘เดือน) โดยมีระยะเวลาการฝึกอบรมในส่วนของศัลยศาสตร์ทั่วไปเป็นเวลา ๒๘ เดือน(อย่างน้อย๒๔เดือนตามเกณฑ์ของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย)
หมายเหตุ: ยกเว้นในกรณีที่คณะอนุกรรมการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านสาขาศัลยศาสตร์ พิจารณาความเหมาะสมเป็นอย่างอื่น สำหรับผู้เข้าอบรมเฉพาะราย
หลักสูตรศัลยศาสตร์ กลุ่มงานศัลยกรรม รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้าจัดวิธีการให้การฝึกอบรมแก่แพทย์ประจำบ้าน หลักสูตรศัลยศาสตร์ 2 รูปแบบ ได้แก่
แผนการสอนด้านทฤษฎี แพทย์ประจำบ้านจะต้องเข้ารับการเพิ่มพูนความรู้ทางด้านทฤษฎี ในการดูแลรักษาผู้ป่วยทางศัลยกรรม
๑). ความรู้ด้านทฤษฎีที่จัดโดยขึ้นโดยราชวิทยาลัยกำหนด เช่น หลักสูตรการฝึกอบรมศัลยปฏิบัติที่ดี ( Good surgical practice ), พื้นฐานการวิจัยทางศัลยศาสตร์ (Basic Surgical Research & Methodology)
๒). ส่งไปเรียนที่สถาบันร่วมฝึกอบรม เช่น ความรู้พื้นฐานที่เป็นหลักการเบื้องต้นของศัลยศาสตร์ ( Basic Science ), ATLS
๓). จัดกิจกรรมทางวิชาการการเรียนการสอนที่ครอบคลุมเนื้อหาของหลักสูตรของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย โดย อาจารย์แพทย์ทั้งใน และ นอกสถาบันในสถาบันฝึกอบรม มีการจัดกิจกรรมการวิชาการ แบ่งได้เป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ กิจกรรมทางวิชาการที่จัดโดยกลุ่มงานศัลยกรรม และกิจกรรมทางวิชาการที่จัดโดยสาขาวิชาหรือสถาบันสมทบ ทั้งสองส่วนนี้ถือเป็นกิจกรรมที่แพทย์ประจำบ้านจำเป็นต้องเข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 80% เพื่อให้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาการเลื่อนชั้นและส่งสอบวุฒิบัตร ที่กำหนดให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกคนเข้าร่วมนำเสนอและอภิปรายในหัวข้อต่างๆดังนี้
กิจกรรมทางวิชาการที่จัดโดยกลุ่มงานศัลยกรรม ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา ๐๘.๐๐-๐๙.๐๐ ที่ห้องประชุมกองศัลยกรรมอาคาร 100 ปี ชั้น 2
- Morning reportกำหนดให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกคนเข้าร่วมนำเสนอและอภิปรายใน Morning report ทุกวันจันทร์ โดยการนำ case ผู้ป่วยทุกรายที่เข้ารับการรักษาในแผนกศัลยกรรมทั้งหมดในช่วงเวลานอกเวลาราชการตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ก่อนวันอภิปรายเพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีโอกาสมาอภิปรายผู้ป่วยโรคต่างๆร่วมกับคณาจารย์เพื่อนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ปรับปรุง พัฒนา และ ค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อเป็นแนวทางในการดูแลผู้ป่วยต่อไป
- Interesting case conference และ Grand round โดยมอบหมายให้แพทย์ประจำบ้านที่ประจำสายในช่วงเดือนนั้นๆปรึกษากับอาจารย์ผู้ดูแลเพื่อเลือกและเตรียมcase ที่น่าสนใจในการนำเสนอเพื่อให้นักศึกษาแพทย์ แพทย์พี่เลี้ยง และแพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ 1-4 มีโอกาสได้ฝึกวิเคราะห์และแพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ 3-4 ค้นคว้าเตรียมความรู้ในหัวข้อดังกล่าวมานำเสนอเพื่อเป็นการพัฒนาความรู้ให้ทันสมัยและนำไปใช้ในการดูแลผู้ป่วย
- Morbidity & Mortality Conference กำหนดให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกคนเข้าร่วมนำเสนอและอภิปรายใน Morbidity & Mortality Conference ของทุกแผนกในกองศัลยกรรมทุกวันอังคารและพฤหัสบดีในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีโอกาสมาอภิปรายผู้ป่วยโรคต่างๆร่วมกับคณาจารย์ทำให้ได้ความรู้กว้างขวางและลึกซึ้งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ป้องกันและหลีกเลี่ยงการกระทำอันจะนำไปสู่การเกิดโรคแทรกซ้อนหรือเสียชีวิตของผู้ป่วย
- Journal club กำหนดให้แพทย์ประจำบ้าน ชั้นปีที่ 1-4 ต้องนำหา journal ที่น่าสนใจโดยหาอาจารย์เป็นที่ปรึกษา แล้วมานำเสนอในห้องประชุม และมีการนำเสนอความคิดเห็นและหัดวิพากษ์ ข้อมูล
- Topic review & Operative technique กำหนดให้แพทย์ประจำบ้าน ชั้นปีที่ 1-4 ติดต่อกับอาจารย์ผู้คุมการอภิปรายนั้นๆ เลือกหัวข้อที่น่าสนใจ เพื่อนำมาเตรียมเนื้อหาเพื่ออภิปรายนำเสนออย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง ในวันอังคารหรือพฤหัสบดี
- Pre-operative conferenceกำหนดให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกคนเข้าร่วมนำเสนอและอภิปรายในPre-operative conferenceทุกวันศุกร์ โดยการนำ case ผู้ป่วยทุกรายที่เข้ารับการผ่าตัดในแผนกศัลยกรรมในช่วงเวลาราชการตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ถัดไปจากวันอภิปราย เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีโอกาสอภิปรายแนวคิด แนวทางการดูแลรักษา เพื่อเตรียมความพร้อมและความรู้ในการดูแลผู้ป่วยโรคต่างๆร่วมกับคณาจารย์เพื่อนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ ปรับปรุง พัฒนา และค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการดูแลผู้ป่วยต่อไป
กิจกรรมทางวิชาการที่จัดโดยสาขาวิชาหรือสถาบันสมทบ
- เมื่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมหมุนเวียนไปตามสาขาวิชาต่างๆก็จะถูกกำหนดให้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมของสาขานั้นๆซึ่งจะเป็นการศึกษาทางด้านรายละเอียดลึกซึ้งของแต่ละสาขาวิชาเช่น Journal Club, X-ray, Patho conference
- มีการจัดประชุมวิชาการระหว่างแผนก ส่งเสริมการทํางานแบบสหวิชาชีพ เช่น Interdepartment Conference, X-ray, Patho Surgical Conference (สถานที่และเวลาตามกำหนด)
๔). จัดส่งแพทย์ประจำบ้านเข้าร่วมการฝึกอบรมปฏิบัติการทางศัลยศาสตร์ (workshop) ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกสถาบัน
แผนการสอนด้านปฏิบัติ กลุ่มงานศัลยกรรม รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า วางแผนการฝึกอบรมให้แพทย์ประจำบ้านสาขา ศัลยศาสตร์ ได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลายในสาขาวิชาหรือหน่วยต่างๆ อย่างเท่าเทียมสอดคล้องไปกับหลักสูตรของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์ และแพทยสภา
กองศัลยกรรม โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า มีการจัดตารางการหมุนเวียนแพทย์ประจำบ้านศัลยศาสตร์ทั่วไป ตลอดหลักสูตร (๔๘ เดือน) ดังนี้
แพทย์ประจำบ้านปีที่ 1
- ศัลยศาสตร์ทั่วไป 4 เดือน
- วิสัญญี 1 เดือน
- ICU 1 เดือน
- ศัลยกรรมระบบประสาท 1 เดือน
- ศัลยกรรมระบบทางเดินระบบปัสสาวะ 1 เดือน
- กุมารศัลยศาสตร์ 1 เดือน
(ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล)
- ศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก 1 เดือน
(ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล)
- ศัลยกรรมกระดูก 1 เดือน
- ศัลยกรรมตกแต่ง 1 เดือน
แพทย์ประจำบ้านปีที่ 2 และ 3
- ศัลยศาสตร์ทั่วไป 14 เดือน
- ศัลยศาสตร์หลอดเลือด 1 เดือน
(ภาควิชาศัลยศาสตร์คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี)
- ศัลยศาสตร์ตับและทางเดินน้ำดี 1 เดือน
(ภาควิชาศัลยศาสตร์คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี)
- ศัลยศาสตร์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก 1 เดือน
(ภาควิชาศัลยศาสตร์คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี)
- กุมารศัลยศาสตร์
(ภาควิชาศัลยศาสตร์คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี) 1 เดือน
- ศัลยกรรมระบบประสาท 1 เดือน
- ศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะ 1 เดือน
- ศัลยกรรมกระดูก 1 เดือน
- พยาธิวิทยา 1 เดือน
- นรีเวชกรรม 1 เดือน
- Elective – X-RAY 4 เดือน
แพทย์ประจำบ้านปีที่ 4
- ศัลยศาสตร์ทั่วไป 10 เดือน
- Elective 2 เดือน
Elective แพทย์ประจำบ้านปี 3
- ศัลยศาสตร์หลอดเลือด ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
- ศัลยศาสตร์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ภาควิชาศัลยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศัลยศาสตร์ ศีรษะ คอ และเต้านม ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริรา
แพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ | ความคืบหน้าของงานวิจัย |
๑ | ติดต่ออาจารย์ที่ปรึกษาและริเริ่มหาหัวข้องานวิจัย |
๒ | นำเสนอ proposal ต่อที่ประชุม เพื่อรับคำแนะนำในการแก้ไขปรับปรุง -เริ่มขอรับการพิจารณาจริยธรรมการวิจัย -เริ่มดำเนินเก็บข้อมูล และ เริ่มทำการวิเคราะห์ข้อมูล |
๓ | -ดำเนินเก็บข้อมูล และ เริ่มทำการวิเคราะห์ข้อมูล -สามารถเริ่มนำเสนอในที่ประชุม กลุ่มงานศัลยกรรม |
๔ | -นำเสนอในที่ประชุม กลุ่มงานศัลยกรรม -นำเสนอในงานประชุมราชวิทยาลัยและ/หรือ ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสารทางการแพทย์ -จัดทำรูปเล่มพร้อมส่ง |
หมายเหตุ สำหรับแพทย์ประจำบ้านที่ต้องการขอการรับรองวุฒิบัตรสาขาศัลยศาสตร์ให้มีคุณวุฒิ “เทียบเท่า
ปริญญาเอก” มีแนวทางการปฏิบัติดังแสดงไว้ใน (ตามผนวก ๖)
๖.๔ จำนวนปีของการฝึกอบรม ๔ ปี
๖.๕ การบริหารจัดการฝึกอบรม
๑. การแต่งตั้งคณะกรรมการฝึกอบรมและประธานการฝึกอบรม
กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า มีการแต่งตั้ง “คณะกรรมการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน สาขาศัลยศาสตร์ทั่วไป” ขึ้นเพื่อกำกับดูแลการฝึกอบรมหลักสูตรแพทย์ประจำบ้าน สาขาศัลยศาสตร์ทั่วไป โดยประธานคณะกรรมการฝึกอบรมเป็นผู้มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในสาขานี้มาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี และได้รับการรับรองจากราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย
๑. กำหนดนโยบาย วางแผน ดูแลควบคุมและติดตามการประเมินผลการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน
๒. เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการฝึกอบรมแพทย์ป